วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

ปวิพ.ม.๘๘


มาตรา ๘๘ เมื่อคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใดหรือคำเบิกความของพยานคนใด หรือมีความจำนงที่จะให้ศาลตรวจบุคคล วัตถุ สถานที่ หรืออ้างอิงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ศาลตั้งหรือความเห็นของผู้มีความรู้เชี่ยวชาญ [1]เพื่อเป็นพยานหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตน ให้คู่ความฝ่ายนั้น[2]ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล[3]ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน โดยแสดงเอกสารหรือสภาพของเอกสารที่จะอ้าง และ[4]รายชื่อ ที่อยู่ของบุคคล ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญ วัตถุ หรือสถานที่ซึ่งคู่ความฝ่ายนั้นระบุอ้างเป็นพยานหลักฐาน หรือขอให้ศาลไปตรวจ หรือขอให้ตั้งผู้เชี่ยวชาญแล้วแต่กรณี พร้อมทั้งสำเนาบัญชีระบุพยานดังกล่าวในจำนวนที่เพียงพอ เพื่อให้คู่ความฝ่ายอื่นมารับไปจากเจ้าพนักงานศาล
ถ้าคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงจะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ให้ยื่นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติมต่อศาลพร้อมกับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมและสำเนาบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมดังกล่าวได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันสืบพยาน
เมื่อระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองแล้วแต่กรณี ได้สิ้นสุดลงแล้ว ถ้าคู่ความฝ่ายใดซึ่งได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว มีเหตุอันสมควรแสดงได้ว่า[5]ตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตนหรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่ หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด หรือถ้าคู่ความฝ่ายใดซึ่งมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่า มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ คู่ความฝ่ายนั้นอาจ[6]ยื่นคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเช่นว่านั้นต่อศาลพร้อมกับบัญชีระบุพยานและสำเนาบัญชีระบุพยานดังกล่าวไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษาคดีและถ้าศาลเห็นว่า เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาด[7]ข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานเช่นว่านั้น ก็ให้ศาลอนุญาตตามคำร้อง


[1] หมายถึง ข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีเท่านั้น หากเป็นการไต่สวนคำร้องต่าง ๆ เช่น การไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่  ไม่อยู่ในบังคับต้องยื่นภายในกำหนดของมาตรา ๘๘ ,เว้นการคำร้องขอให้ชำระหนี้จำนองต้องยื่นภายในกำหนด,หากมีการยื่นในชั้นไต่สวนคำร้องแล้วถือว่ายื่นทั้งคดีเช่นยื่นบัญชีระบุชั้นไต่สวนคำร้องอนาถาโดยไม่ได้ระบุว่าเป็นเฉพาะชั้นไต่สวนคำร้อง แสดงว่าคูความประสงค์ยื่นทั้งคดีหรือแม้ระบุว่ายื่นไต่สวนอนาถาแต่ชั้นพิจารณายื่นคำแถลงว่าขอระบุพยานเพิ่มเติมถือว่าเป็นการขอนำบัญชีชั้นอนาถาเป็นบัญชีระบุพยานชั้นพิจารณาด้วย , เอกสารที่ใช้ในการถามค้านที่พยานรับรองแล้วไม่จำต้องระบุพยานไว้(ถามตามมาตรา ๘๙) เพราะไม่ใช้พยานที่สนับสนุนแต่เป็นการทำลายน้ำหนักพยาน , เอกสารที่คู่ความแนบมากับคำคู่ความไม่อยู่ในบังคับต้องยื่นบัญชีระบุพยานเช่นหนังสือสัญญาชื้อขายแนบมาท้ายฟ้องหรือพยานหลักฐานที่คู่ความรับว่ามีอยู่จริง เช่นการยอมรับว่าเคยมีการฟ้องร้องคดีกันแล้ว , การอ้างคดีเรื่องอื่นในศาลเดียวกันเพียงแต่ระบุพยานไว้และได้เสียค่าอ้างก็ถือว่าเป็นเอกสารในสำนวนแล้วแต่หากเป็นศาลอื่นเพียงแต่ระบุพยานไว้และได้เสียค่าอ้างแต่ไม่ได้ขอให้ศาลเรียกมาไม่ถือว่เป็นพยานหลักฐานในสำนวน,พยานผู้เชี่ยวชาญ กรณีเป็นการอ้างต้องยื่นบัญชีระบุพยาน หากศาลเห็นเป็นการจำเป็นและสมควรตั้งผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นอำนาจของศาลตามม.๙๙ ไม่จำต้องยื่นฯ
[2] การยื่นบัญชีระบุพยานจะกระทำได้ต่อเมื่อมีการสืบพยานฝ่ายนั้นด้วย
[3] วันสืบพยาน หมายถึงวันที่ศาลเริ่มต้นสืบพยาน ซึ่งหมายถึงวันที่มีการสืบพยานกันจริง ๆ  ,เจ็ดวันหมายถึงเจ็ดวันเต็ม
[4] มีแต่รายชื่อไม่มีที่อยู่เป็นบัญชีระบุพยานที่ไม่ชอบ เช่น ยื่นบัญชีระบุพยานระบุว่าที่อยู่จะเสนอต่อศาลในวันออกหมายเรียก,
[5] ต้องอ้างให้เข้าสามเหตุ จึงจะยื่นได้ กรณีไม่เข้าได้แก่ เพิ่งได้พบพยาน  บัญชีระบุพยานที่ยื่นไว้ไม่ครบถ้วนหรือเพราะเป็นความพลั้งเผลอของทนายไม่เข้าเหตุ ที่เข้าเหตุได้แก่ สำเนาคำพิพากษาที่ระบุเพิ่มเติศาลเพิ่งมีคำพิพากษา,อ้างว่าทนายเจ็บป่วยเป็นเหตุอันสมควร ,ศาลจะรับหรือไม่ต้องพิจารณาว่าพยานที่อ้างเกี่ยวกับพยานแห่งคดีหรือไม่(แม้จะอ้างเข้าเหตุ) ,แม้อ้างไม่เข้าเหตุศาลอาจใช้อำนาตตามมาตรา ๘๗ วรรคสองได้ ,นำไปใช้ชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้
[6] ต้องยื่นเป็นคำร้อง หากคู่ความทำเป็นคำแถลงศาลไม่รับไว้พิจารณา เพราะมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย
[7] ต้องเป็นหลักฐานสำคัญและต้องเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีด้วย  กล่าวคือ ต้องเป็นพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์หรือชี้ขาดเป็นข้อแพ้ชนะคดีได้  กรณีไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เช่น ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเท่าใด ไม่ใช่ข้อแพ้ชนะแห่งคดี ประกาศของกระทรวงการคลัง เรื่องอัตราดอกเบี้ยจึงไม่ใช่พยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับข้อสำคัญในคดี เมื่อไม่ระบุบัญชีพยาน ศาลไม่มีอำนาจรับฟัง  ,  โดยเฉพาะการที่คู่ความไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๘๘ และ ๙๐ เป็นการเอาเปรียบเชิงคดี ศาลไม่รับฟังเอกสารนั้นได้ เช่น อ้างพยานเอกสารถามค้านพยานปากสุดท้ายทั้งที่เอกสารอยู่กับตน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น